เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2560 นายนพพร อัจฉริยวนิช เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ ได้ยื่นพระราชสาส์นตราตั้งต่อนาย Sauli Niinistö ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ ในโอกาสดังกล่าว เอกอัครราชทูตนพพรฯ ได้มีโอกาสสนทนากับประธานาธิบดี Niinistö ด้วย โดยประธานาธิบดี Niinistö ได้กล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตนพพรฯ ที่ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำฟินแลนด์ และกล่าวว่ามีชาวฟินแลนด์เดินทางไปประเทศไทยปีละประมาณ 150,000 คน เนื่องจากประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม โดยตนได้เดินทางไปเที่ยวภาคใต้ของไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2547 แม้ตนจะประสบกับภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ แต่ตนมีความประทับใจในอัธยาศัยไมตรีของคนไทยที่ได้ให้ความช่วยเหลือตนระหว่างประสบภัยครั้งนั้น

                เอกอัครราชทูตนพพรฯ กล่าวขอบคุณประธานาธิบดี Niinistö ที่ให้ตนเข้ายื่นพระราชสาส์นตราตั้งในวันนี้ และได้กล่าวสรุปพัฒนาการการเมืองในประเทศไทยตามที่ประธานาธิบดี Niinistö ได้สอบถามว่ารัฐบาลไทยได้ดำเนินการตามแผนงาน (Roadmap) 3 ขั้นตอน คือ การสร้างความปรองดองแห่งชาติ การปฏิรูปด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างความเป็นธรรมและความยุติธรรมในสังคม และการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งประธานาธิบดี Niinistö ได้รับฟังด้วยความตั้งใจ และกล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตนพพรฯ ที่ทำให้ตนมีความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยมากขึ้น  เอกอัครราชทูตนพพรฯ ได้กล่าวด้วยว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ของตน จะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับฟินแลนด์

                นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตนพพรฯ แจ้งว่าปัจจุบันรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยื่นของสหประชาชติ (SDGs) โดยได้น้อมนำเอาแนวคิดเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตของคนไทย เพื่อให้พึงพาตนเองได้ และเพื่อบรรลุ SDGs ซึ่งมีประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและเอเชียใต้ แสดงความประสงค์ขอรับความร่วมมือทางวิชาการในการนำความรู้ SEP ไปประยุกต์ใช้ ซึ่งประเทศไทยมีความยินดีในการร่วมมือในเรื่องดังกล่าว รวมถึงการร่วมมือกับประเทศพัฒนาแล้วในการดำเนินโครงการไตรภาคีด้านการพัฒนาบนพื้นฐาน SEP เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาต่าง ๆ ด้วย

------------